เรื่องความไม่เท่าเทียมกันในที่ทำงาน ที่ไหนก็มี ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่
ถ้าใครซักคนได้ผลประโยชน์มากกว่า มันก็ไม่แปลกที่คนได้น้อยกว่าจะรู้สึกแย่ และพร้อมจะเททุกอย่างมากกว่าคนที่ได้รับผลปรโยชน์สูงกว่า
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าคุณต้องนั่งทำงานที่ออฟฟิศหามรุ่งหามค่ำ ในขณะที่หัวหน้าคุณกลับบ้านตั้งแต่บ่าย 4 คุณก็คงทำงานต่อนั่นแหละ…แต่เชื่อเถอะว่าคุณจะมีความคิดที่ว่า “อย่าให้ตรูได้งานใหม่นะเว้ย ทางใครทางมัน”
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติสุด ๆ และจะเป็นวัฐจักรแบบนี้ตลอดไป ถ้าทุกคนในบริษัท ไม่รู้จักคำว่า ‘ใจเขาใจเรา’
ใจเขาใจเรา เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
นอกจากจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแล้ว มันคือ เรื่องที่ต้องเริ่มจากทุกคนและทุกระดับ
ยกตัวอย่างกันอีก ถ้าหัวหน้าเข้าใจว่าลูกน้องมีครอบครัว และการมาทำงานหาเงินทุกวันนี้ คือการตอบโจทย์ให้ส่งลูกเรียนสูง ๆ เท่าที่พ่อแม่ธรรมดา ๆ จะทำได้ ปิดเทอม พาครอบครัวไปเที่ยวได้แบบพร้อมหน้าพร้อมตา และเมื่อครอบครัว คือ โจทย์สำคัญ การได้กลับบ้านไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นสิ่งสำคัญที่พนักงานต้องการ คุณก็อาจจะให้เอางานกลับไปทำที่บ้านได้ หรือถ้าต้องดึกบ้าง ค้างคืนบ้าง ปีนึงอาจจะมีแค่ครั้ง 2 ครั้ง
ในทางกลับกัน ลูกน้อง คุณก็ต้องเข้าใจหัวหน้า การแบกภาระ ทำยังไงก็ได้ให้คุณมีงาน และมีเงินเดือนจ่ายให้คุณ หรือให้คุณได้เงินเดือนเพิ่ม มันจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากคุณเช่นกัน ถ้าคุณไม่ทุ่มเท ธุรกิจบริษัทหยุดชะงัก หรือเติบโตไม่เต็มที่ หรือมีใครวิจารย์หรือว่าคุณว่าทำงานไม่เต็มที่ ไม่ควรให้ขึ้นเงินเดือน หัวหน้าคุณเองถึงอยากจะช่วย ก็คงไม่รู้จะช่วยเหลือคุณยังไงเช่นกัน
ทั้งหมดทั้งมวล มันคือเรื่องของ ‘น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า’ นั่นเอง
แต่ในอีกมุม ถ้าคุณอยากจะได้เงินเดือนในเลเวลของหัวหน้าของคุณ คุณก็ต้องพัฒนาตัวเองเช่นกัน วางแผนสายงานของคุณให้เร็วที่สุด วางแผนเร็วกว่า ลงมือปฏิบัติเร็วกว่า คุณก็วิ่งไปสู่เป้าหมายได้เร็วกว่าอีกหลาย ๆ คนแน่นอน