ไม่ว่าใครก็คงรู้สึกเหมือนกัน วันอาทิตย์ไม่อยากให้ถึงวันจันทร์เลย
ยิ่งคืนวันอาทิตย์ มันยิ่งทรมาณ ในหัวได้แต่คิดวนไปวนมา ไม่อยากไปทำงาน ไม่อยากไปทำงาน
แต่สุดท้าย เพราะชีวิตยังจำเป็นต้องใช้เงินในการดำรงชีวิต ไม่ไปทำงานก็ไม่มีเงิน
สุดท้ายแล้ว มีงานให้ทำมีเงินให้ใช้ก็ดีกว่าไม่มีงานแล้วไม่มีเงิน
เจอสถานการณ์แบบเตะฝุ่นมันทรมาณกว่าการตื่นเช้าวันจันทร์ (อันที่จริงก็คือทุก ๆ วัน) ไปทำงานกว่าเยอะ
แต่จะดีแค่ไหน ถ้าคุณได้ตื่นขึ้นมาแล้วได้ไปเจอกับงานที่ปลุกไฟในตัวคุณ
ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งทำแล้วรู้สึกสนุก เป็นงานที่เปลี่ยนความเบื่อให้กลายเป็นความหวังได้
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่า งานแบบนั้นไม่มีจริงหรอก มันก็แค่งานเพ้อฝัน
งานที่จะทำให้คุณตื่นมาแล้วมีความสุข มีอยู่จริง
แล้วอยู่ที่ไหน
จะหางานที่คุณสามารถพูดได้ว่า คุณรักนั้น คุณต้องคำนึงถึง 2 อย่างหลัก ๆ ในตัวคุณ
1. งานที่คุณได้ใช้ อัจฉริยะภาพของคุณอย่างเต็มที่
อัจฉริยะภาพของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต่อให้คุณเป็นคนที่มีจุดแข็งที่เหมือนกัน เช่น คุณเอ คุณบี เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงมาก แต่วิธีการดึงจุดแข็งนี้มาใช้ของคุณเอกับคุณบีก็อาจจะไม่เหมือนกัน คุณเออาจจะใช้ไปในงานด้านศิลปะ ส่วนคุณบีอาจจะเหมาะกับการนำควาคิดสร้างสรรค์มาคิดหาวิธีปรับปรุงระบบต่าง ๆ
ดังนั้น งานที่สามารถตอบโจทย์อัจฉริยะภาพของคุณก็จะทำให้คุณมีความสุขในการทำงาน
2. งานที่ทำให้คุณได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับความเป็นตัวคุณ
ข้อนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะในความเป็นจริงไม่มีงานหรือบริษัทไหนที่จะสามารถให้สภาพแวดล้อมที่เหมาะกับตัวคุณแบบ 100% ได้ เพราะทุกที่มีกฎเกณฑ์ บริษัทไหนคนยิ่งเยอะ กรอบก็จะมากตาม อย่างไรก็ตามในเมื่อคุณหาสิ่งที่เป็นแบบที่คุณอยากได้ 100% ไม่ได้ แต่คุณสามารถหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะที่สุดกับตัวคุณ ณ ขณะนั้น ๆ ของชีวิตคุณได้ อยู่ที่ว่า ทุกวันนี้คุณตั้งใจที่จะให้ความสำคัญกับการหางานที่มีสภาพแวดล้อมตรงกับที่คุณต้องการมากน้อยเพียงใด
งานที่รัก จะมีจริงได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งจากภายนอกและภายในจากตัวคุณเอง ผลประโยชน์จากงาน เช่น ตัวเงิน สวัสดิการต่าง ๆ อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ แต่ถ้าคุณได้งานที่คุณได้ใช้อัจฉริยะภาพของคุณ ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ใช่แล้วหล่ะก็ การที่คุณจะได้ตื่นไปทำงานที่คุณรักในทุก ๆ วัน ก็จะไม่ได้เป็นแค่ความฝันอีกต่อไป